แนวข้อสอบ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ปปส. ปี 2567-2568
แนวข้อสอบ การบริหารแผนงาน นโยบาย โครงการ
1. แผนงานและโครงการคืออะไร
一. เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กรหรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารหรือบุคลากรปฏิบัติงาน
二. กําหนดขึ้นภายนอกวัตถุประสงค์และขอบข่ายงานที่ได้กําหนดไว้
三. เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กรหรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร
四. สัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันที่แบ่งแยกออกแต่ละฝ่าย
ตอบ ค. เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กรหรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร
แผนงานและโครงการคือ
แผนงาน/โครงการ เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กร
หรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร ที่กําหนดขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์และขอบข่ายงานที่ได้กําหนดไว้
แผนงานและโครงการเป็นการเพิ่มศักยภาพการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยกิจกรรม
ต่าง ๆ ซึ่งต้องมีการหารือกันกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และในแต่ละกิจกรรม แต่ละขั้นตอนต้องกําหนดระยะเวลา
เริ่มต้นและระยะเวลาสิ้นสุด มีตัววัดความสําเร็จแต่ละกิจกรรมและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
2. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายจัดการในภาพโดยรวม
一. การกําหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์/ยุทธศาสตร์ นโยบายที่เหมาะสม
二. การวางแผนและโครงการให้สัมพันธ์กับเป้าประสงค์หลัก (Strategic Objective)
三. กําหนดงานต่าง ๆ ที่ต้องทํา
四. จัดให้มีการติดตาม และรายงานผลความสําเร็จที่ปฏิบัติจริงเทียบกับแผนงาน
ตอบ ค. กําหนดงานต่าง ๆ ที่ต้องทํา
หน้าที่ของฝ่ายจัดการในภาพโดยรวม
เพื่อบรรลุสู่วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และการจัดทําแผนงาน/โครงการ ฝ่ายจัดการควรคํานึงถึง
1. การกําหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์/ยุทธศาสตร์ นโยบายที่เหมาะสม
2. การวางแผนและโครงการให้สัมพันธ์กับเป้าประสงค์หลัก (Strategic Objective)
3. รวบรวมความต้องการข้อมูลและสารสนเทศที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับแผนงาน
4. กําหนดทรัพยากร สนับสนุนแผนงานเพื่อบรรลุพันธกิจของ องค์กร
5. กําหนดขอบเขตของงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
6. จัดให้มีการปฏิบัติ ควบคุม และวัดผลความสําเร็จของแผนงานนั้น ๆ
7. จัดให้มีการติดตาม และรายงานผลความสําเร็จที่ปฏิบัติจริงเทียบกับแผนงาน
3. ข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการวางแผนงาน และโครงการที่เกี่ยวข้องขององค์กรทั่วไป
一. กําหนดเป้าประสงค์ของแผนงานและโครงการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่วัดได้
二. แปลงความต้องการให้ปรากฏในแผนงาน
三. กําหนดทรัพยากรที่ต้องการใช้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสื่อให้หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อการประสานงานที่เหมาะสม
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
วัตถุประสงค์ของการวางแผนงาน และโครงการที่เกี่ยวข้องขององค์กรทั่วไป
1. กําหนดเป้าประสงค์ของแผนงานและโครงการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่วัดได้
2. เพื่อให้เห็นภาพของแผนงาน/โครงการได้อย่างเป็นรูปธรรม
3. แปลงความต้องการให้ปรากฏในแผนงาน
4. กําหนดงานต่าง ๆ ที่ต้องทํา
5. กําหนดวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของแต่ละงาน
6. กําหนดทรัพยากรที่ต้องการใช้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสื่อให้หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อการประสานงานที่เหมาะสม
7. เป็นแนวทางและพื้นฐานในการประมาณการ ติดตาม และควบคุมโครงการ และรายงานเพื่อ
การเปรียบเทียบผลที่ไดอยางชัดเจน
4. ข้อใดคือแนวทางที่มีความสําคัญในการปรับตัวขององค์การ
一. องค์กรจะต้องปรับตัวให้ทันกับการแข่งขัน
二. องค์กรต้องปรับปรุงและพัฒนาด้านคุณภาพของการบริหารจัดการภายใน
三. องค์กรต้องนําเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้งาน
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
5. สําหรับความหมายของการบริหารนั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอะไร
一. หน่วยงานที่ผู้บริหารจัดการ
二. ความเชื่อและความเข้าใจของผู้บริหารแต่ละคน
三. บุคลากรในองค์กรที่บริหารจัดการ
四. ผู้บริหารนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้งาน
ตอบ ข. ความเชื่อและความเข้าใจของผู้บริหารแต่ละคน
6. การบริหารในส่วนของผู้บริหารที่จะต้องปฏิบัติ ได้แก่อะไรบ้าง
一. การวางแผนการจัดองค์การ
二. การจัดคนเข้าทํางาน
三. การสั่งการ และการควบคุม
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
7. องค์การจําเป็นต้องนําแนวทางการบริหารโครงการมาใช้ในการดําเนินงาน ได้เกิดความนิยมขึ้น ตั้งแต่ช่วงปีใด
一. 1960 ค. 1980
二. 1970 ง. 1990
ตอบ ก. 1960
8. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทําให้มีการนําการบริหารโครงการมาใช้อย่างแพร่หลายในเรื่องการมุ่งเน้นคุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
一. มีการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ
二. เกิดเทคโนโลยีระดับสูง
三. ความต้องการของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากการผลิตแบบเก่าลดน้อยลง
四. การนําเทคโนโลยีใช้กันอย่างกว้างขวางทําให้กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ สั้นลง
ตอบ ค. ความต้องการของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากการผลิตแบบเก่าลดน้อยลง
9. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความสําคัญของการบริหารโครงการ
一. การบริหารโครงการทั่วไปที่เป็นการบริหารงานที่มีลักษณะของการดําเนินงานอย่างเป็นประจํา
二. เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อถูกนําไปใช้ในการดําเนินกิจกรรมที่มีความสลับซับซ้อน
三. องค์การเพียงส่วนเดียวที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรทางการบริหารที่มีอยู่อย่างจํากัด
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อถูกนําไปใช้ในการดําเนินกิจกรรมที่มีความสลับซับซ้อน
10. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
一. การจัดการมักนิยมใช้ในด้านธุรกิจ
二. บริหารมักนิยมใช้ในด้านธุรกิจ
三. การบริหารและการจัดการมักนิยมใช้ในด้านราชการ
四. การบริหารและจัดการมักนิยมใช้ในทางด้านธุรกิจ
ตอบ ก. การจัดการมักนิยมใช้ในด้านธุรกิจ
แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
**********************************
1. พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มีกี่ฉบับ
一. 3 ฉบับ ค. 5 ฉบับ
二. 4 ฉบับ ง. 6 ฉบับ
ตอบ ง. 6 ฉบับ ได้แก่
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2511
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2517
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2534
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2543
2. พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ให้ไว้ ณ วันใด
一. 26 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ค. 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502
二. 27 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ง. 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502
ตอบ ข. 27 ตุลาคม พ.ศ. 2502
3. พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มีกี่หมวด กี่มาตรา
一. 5 หมวด 30 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ค. 6 หมวด 30 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
二. 5 หมวด 34 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ง. 6 หมวด 34 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ข.5 หมวด 34 มาตรา ได้แก่
หมวด 1 อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการ
หมวด 2 ลักษณะของงบประมาณ
หมวด 3 การจัดทำงบประมาณ
หมวด 4 การโอนงบประมาณรายจ่าย
หมวด 5 การควบคุมงบประมาณ
4. "ปีงบประมาณ" หมายความว่า
一. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
二. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
三. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนของปีหนึ่งถึงวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
四. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
ตอบ ข. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
"ปีงบประมาณ" หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป และให้ใช้ปี พ.ศ. ที่ถัดไปนั้นเป็นชื่อสำหรับปีงบประมาณนั้น
5. "ส่วนราชการ" หมายความว่า
一. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ
二. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจ
三. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
四. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ
ตอบ ค.กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
"ส่วนราชการ" หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
6. ใครคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
一. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
二. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ ทั้งนี้ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับสำนักนายกรัฐมนตรี หรือกระทรวงการคลัง แล้วแต่กรณี
7. ใครมีอำนาจหน้าที่จัดทำงบประมาณ กับปฏิบัติการอย่างอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
一. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
二. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
三. หัวหน้าส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
四. เจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
ตอบ ก. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
มาตรา 6 ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่จัดทำงบประมาณ กับปฏิบัติการอย่างอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณดังต่อไปนี้ด้วย
(1) เรียกให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอประมาณการรายรับและรายจ่ายตามแบบและหลักเกณฑ์ พร้อมด้วยรายละเอียดตามที่ผู้อำนวยการกำหนด
(2) วิเคราะห์งบประมาณและการจ่ายเงินของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
(3) กำหนด เพิ่ม หรือลดเงินประจำงวดตามความจำเป็นของการปฏิบัติงาน และตามกำลังเงินของแผ่นดิน
(4) กำหนดระยะเวลาของเงินประจำงวด
8. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีอำนาจหน้าที่อย่างไร
一. เรียกให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอประมาณการรายรับและรายจ่ายตามแบบและหลักเกณฑ์ พร้อมด้วยรายละเอียดตามที่ผู้อำนวยการกำหนด
二. วิเคราะห์งบประมาณและการจ่ายเงินของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
三. กำหนด เพิ่ม หรือลดเงินประจำงวดตามความจำเป็นของการปฏิบัติงาน และตามกำลังเงินของแผ่นดิน
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ ( ดูคำอธิบายข้อ 7 )
9. งบประมาณประจำปีที่เสนอต่อรัฐสภาประกอบด้วย
一. รายงานการรับจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อช่วยราชการ
二. รายงานเกี่ยวกับการเงินของรัฐวิสาหกิจ
三. รายรับรายจ่ายเปรียบเทียบระหว่างปีที่ล่วงมาแล้ว ปีปัจจุบันและปีที่ขอตั้งงบประมาณรายจ่าย
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 8 งบประมาณประจำปีที่เสนอต่อรัฐสภานั้น โดยปกติให้ ประกอบด้วย
(1) คำแถลงประกอบงบประมาณแสดงฐานะและนโยบายการคลังและการเงิน สารสำคัญของงบประมาณ และความสัมพันธ์ระหว่างรายรับและงบประมาณรายจ่ายที่ขอตั้ง
(2) รายรับรายจ่ายเปรียบเทียบระหว่างปีที่ล่วงมาแล้ว ปีปัจจุบันและปีที่ขอตั้งงบประมาณรายจ่าย
(3) คำอธิบายเกี่ยวกับประมาณการรายรับ
(4) คำชี้แจงเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายที่ขอตั้ง
(5) รายงานเกี่ยวกับการเงินของรัฐวิสาหกิจ
(6) คำอธิบายเกี่ยวกับหนี้ของรัฐบาลทั้งที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน และที่เสนอขอกู้เพิ่มเติม
(7) รายงานการรับจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อช่วยราชการ
(8) ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
10. กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินได้ตามความจำเป็น แต่ต้องไม่เกินเท่าใด
一. ร้อยละ 20 ของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
二. ร้อยละ 30 ของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
三. ร้อยละ 80 ของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนต้นเงินกู้
四. ถูกเฉพาะข้อ ก และ ค
ตอบ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก และ ค