แนวข้อสอบ พนักงานการเงินและบัญชี กรมสรรพาวุธทหารบก ปี 2567-2568
เฉลยข้อสอบอัพเดต ข้อมูลอัพเดตที่ https://ordnance.thaijobjob.com/
แนวข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์
1. บุคคลโดยทั่วไปใช้แผนที่เพื่อวัตถุประสงค์ใด
ก. หาตำแหน่งที่ตั้ง ข. อ่านเสริมความรู้
ค. ศึกษาโลกของเรา ง. คำนวณหาเวลา
2. ในปัจจุบันท่านคิดว่าเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ใดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก
ก. รูปถ่ายทางอากาศ ข. แผนที่แสดงเส้นทางหลวง
ค. ภาพจากดาวเทียม ง. อินเทอร์เน็ต
3. ถ้าปัญญาวัดระยะทางระหว่างสถานีอนามัยกับโรงเรียนในแผนที่ห่างกัน 4 เซนติเมตร เมื่อเขา ทดลองเดินได้ระยะทางจริง 2 กิโลเมตร แผนที่ฉบับนี้จะมีมาตราส่วนเท่าใด
ก. 1 : 50,000 ข. 1 : 55,000
ค. 1 : 150,000 ง. 1 : 5,000
4. เส้นเมริเดียนแรก (0 องศา) มีความสำคัญอย่างไร
ก. ใช้กำหนดเวลามาตรฐานสากล ข. ใช้แบ่งซีกโลกเหนือและใต้
ค. ใช้เริ่มต้นการแบ่งเวลาท้องถิ่น ง. ใช้กำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก
5. นายสมิธเรียนอยู่ที่รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จะโทรหาคุณแม่ที่อยู่กรุงเทพฯ เวลา 20.00 น. ของออสเตรเลีย เวลาที่กรุงเทพ ฯ ตรงกับข้อใด ( ประเทศไทยตั้งอยู่ที่ลองจิจูด 105 องศาตะวันออก ออสเตรเลียตั้งอยู่ที่ลองจิจูด 150 องศาตะวันออก)
ก. เวลา 23.00 น. ข. เวลา 20.30 น.
ค. เวลา 18.30 น. ง. เวลา 17.00 น.
6. คำว่า “เวลามาตรฐานท้องถิ่น” มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. เวลาของพื้นที่ที่ได้รับแสงอาทิตย์
ข. เวลาที่กำหนดขึ้นเองในแต่ละพื้นที่
ค. เวลามาตรฐานกรีนิชสากลปานกลาง
ง. เวลามาตรฐานตามเขตเวลาแต่ละพื้นที่
7. ถ้าศุภชัยเดินทางจากเส้นเมริเดียนแรก (0 องศา) ไปทางซ้ายมือ จะมีเวลาเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ก. ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะใช้เวลามาตรฐานสากลเดียวกัน
ข. ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะใช้เขตเวลามาตรฐานเหมือนกัน
ค. เปลี่ยนแปลงโดยจะมีเวลาช้ากว่าที่เส้นเมริเดียนแรก
ง. เปลี่ยนแปลงโดยจะมีเวลาเร็วกว่าที่เส้นเมริเดียนแรก
8. เดชาเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศญี่ปุ่นไปสหรัฐอเมริกา โดยผ่านลองจิจูดที่ 180 องศา เกี่ยวข้องกับเวลาอย่างไร
ก. เวลาเหมือนเดิม ข. เวลาจะลดลง 1 วัน
ค. เวลาจะเพิ่มขึ้น 1 วัน ง. เวลาจะหยุดนิ่ง
9. ข้อใดกล่าวถึงที่ตั้งของประเทศไทยได้ถูกต้อง
ก. ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ ข. ตั้งอยู่ใกล้แนวเส้นเมริเดียนปฐม
ค. ตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ ง. ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้
10. ข้อใดเป็นแนวพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ก. ทิวเขาสันกาลาคีรี แม่น้ำปิง
ข. ทิวเขาพนมดงรัก แม่น้ำกระบุรี
ค. ทิวเขาเพชรบูรณ์ แม่น้ำสาละวิน
ง. ทิวเขาดงพญาเย็น แม่น้ำตาปี
ข้อสอบ หลักการบัญชี
คำสั่ง ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. การบัญชี หมายถึง
(1) การจัดทำบัญชีรับจ่ายเงินสด
(2) การจัดหาข้อมูลทางการเงินของกิจการค้า
(3) การจดบันทึก รวบรวม และสรุปผลข้อมูลทางการเงิน
(4) การจดบันทึก การจำแนก การสรุปผล และการรายงานเกี่ยวกับการเงิน โดยใช้หน่วยเงินตรา
รวมทั้ง การแปลความหมายของผลการปฏิบัติ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ ข้อ 4. การบัญชี (Accounting) หมายถึง การจดบันทึกรายการหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ การเงิน ไว้ในรูปของเงินตรา จัดแยกหมวดหมู่ของรายการที่บันทึก สรุปผล และวิเคราะห์ความหมายของ รายการที่ได้จดบันทึกไว้ โดยจัดทำในรูปของรายงานการเงิน
2. งบดุลของกิจการค่าจะแสดงถึง
(1) ผลการดำเนินงานในงวดหนึ่ง ๆ ของกิจการค้า
(2) ฐานะการเงินของกิจการค้า ณ วันใดวันหนึ่ง
(3) สินทรัพย์ หนี้สิน และทุนในรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ ของกิจการค้า
(4) ส่วนของเจ้าของ ณ วันใดวันหนึ่ง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ ข้อ2. งบดุล (Balance Sheet) คือ งบที่แสดงฐานะของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่งว่า กิจการมี
สินทรัพย์ หนี้สิน และทุนจำนวนเท่าใด
3. งบกำไรขาดทุนของกิจการค้า แสดงถึง
(1) ผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาการดำเนินงานหนึ่ง ๆ ของกิจการค้า
(2) ฐานะการเงินของกิจการค้า ณ วันใดวันหนึ่ง
(3) ผลการดำเนินงานกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ ณ วันสิ้นปี
(4) การเปรียบเทียบระหว่างรายได้กับค่าใช้จ่ายในแต่ละปี
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ ข้อ 1. งบกำไรขาดทุน (Income Statement) คือ งบที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการ ณ งวด
บัญชีหนึ่ง ๆ ว่ากิจการมีรายได้และค่าใช้จ่ายเท่าไร ถ้ารายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายผลต่างคือกำไร
4. กิจการหนึ่งมีสินทรัพย์ 100,000 บาท และมีส่วนของเจ้าของ 60,000 บาท กิจการมีหนี้สินเท่าใด
(1) 160,000 บาท (2) 100,000 บาท (3) 60,000 บาท (4) 40,000 บาท
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ ข้อ 4. จากสมการบัญชี
สินทรัพย์รวม = หนี้สินรวม + ทุน (ส่วนของเจ้าของ)
100,000 = 40,000 + 60,000
5. สมการบัญชีที่ถูกต้อง คือ
(1) สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ
(2) สินทรัพย์ – ค่าใช้จ่าย = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ + รายได้
(3) สินทรัพย์ + หนี้สิน = ส่วนของเจ้าของ
(4) ถูกทั้งข้อ 1 และข้อ 3
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ ข้อ 1. สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ
6. เมื่อเจ้าของนำสินทรัพย์มาลงทุนจะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ
(1) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
(2) ทำให้สินทรัพย์ลดลงและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
(3) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง
(4) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของลดลง
(5) ทำให้สินทรัพย์ลดลงและส่วนของเจ้าของลดลง
ตอบ ข้อ 1. การบันทึกรายการบัญชีเมื่อเจ้าของกิจการนำทรัพย์สินมาลงทุน
เดบิท บัญชีประเภทสินทรัพย์ xx สินทรัพย์เพิ่ม
เครดิต บัญชีประเภททุน xx ทุนเพิ่ม
7. เมื่อซื้อสินทรัพย์เป็นเงินเชื่อ จะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ
(1) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของลดลง
(2) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและหนี้สินเพิ่มขึ้น
(3) ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง
(4) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
(5) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นและสินทรัพย์ลดลง
ตอบ ข้อ 2. การบันทึกรายการบัญชีเมื่อซื้อสินทรัพย์เป็นเงินเชื่อ
เดบิท บัญชีประเภทสินทรัพย์ xx สินทรัพย์เพิ่ม
เครดิต บัญชีประเภทหนี้สิน xx หนี้สินเพิ่ม
8. เมื่อจ่ายชำระหนี้สิน จะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ
(1) ทำให้สินทรัพย์ลดลงและหนี้สินลดลง
(2) ทำให้หนี้สินลดลงและส่วนของเจ้าของลดลง
(3) ทำให้สินทรัพย์ลดลงและส่วนของเจ้าของลดลง
(4) ทำให้หนี้สินลดลงและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
(5) ทำให้เจ้าหนี้ลดลงและเงินสดเพิ่มขึ้น
ตอบ ข้อ 1. การบันทึกรายการบัญชีเมื่อจ่ายชำระหนี้สิน
เดบิท บัญชีประเภทหนี้สิน xx หนี้สินลด
เครดิต บัญชีประเภทสินทรัพย์ xx สินทรัพย์ลด
9. เมื่อเก็บเงินจากลูกหนี้ จะมีผลกระทบต่อสมการบัญชีคือ
(1) ทำให้เงินสดเพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง
(2) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มและสินทรัพย์ลดลง
(3) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มและส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
(4) ทำให้สินทรัพย์เพิ่มและส่วนของเจ้าของลดลง
(5) ทำให้เงินสดเพิ่มขึ้นและเจ้าหนี้ลดลง
ตอบ ข้อ 2. การบันทึกรายการบัญชีเมื่อเก็บเงินจากลูกหนี้
เดบิท บัญชีประเภทสินทรัพย์ xx สินทรัพย์เพิ่ม
เครดิต บัญชีประเภทสินทรัพย์ xx สินทรัพย์ลด
10. หลักการของระบบบัญชีคู่คือ
(1) การจดบันทึกรายการค่าลงในสมุดรายการขั้นต้น
(2) การจดบันทึกรายการค่าลงในบัญชีแยกประเภท
(3) การจดบันทึกรายการค่าทุกรายการจะต้องบันทึกในบัญชีไม่น้อยกว่าสองบัญชีด้วยจำนวนเงินด้านเดบิทและเครดิตเท่ากัน
(4) การจดบันทึกรายการค่าต้องบันทึกทั้งสองด้านคือด้านเดบิทและด้านเครดิต
(5) ถูกทั้งข้อ 1 และข้อ 2
ตอบ ข้อ 3. หลักการของระบบบัญชีคู่ (Double - Entry Accounting) หมายถึง เมื่อมีรายกาทางการค้า
เกิดขึ้นทุกรายการต้องนำมาบันทึกไว้ในบัญชีสองด้าน คือ ทางด้านเดบิทและทางด้าน
เครดิต ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทั้งสองด้าน แต่จำนวนบัญชีที่ลงนั้นไม่จำเป็นต้องเท่ากัน
กล่าวคือ อาจ บันทึกทางด้านเดบิทเพียงบัญชีเดียว แต่บันทึกทางด้านเครดิตสองหรือสามบัญชีก็ได้